ประวัติวิจารณ์ พลฤทธิ์ ชายผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกชาวไทย

ประวัติวิจารณ์ พลฤทธิ์ ชายผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกชาวไทย

ประวัติวิจารณ์

ประวัติวิจารณ์ พลฤทธิ์ นักมวยสัญชาติไทย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกชาวไทย ซึ่งเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้กับประเทศไทย ต่อจาก สมรักษ์ คำสิงห์ โดยเจ้าตัวได้เหรียญทองจากรายการมวยสมัครเล่น ในโอลิมปิก ครั้งที่ 27 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยที่มาของเขามาจากไหน ไปติดตามพร้อมๆกันเลย

พันตำรวจโท วิจารณ์ พลฤทธิ์ เกิดในวันพฤหัสที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2519 ที่ ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยเจ้าตัวเกิดเป็นลูกชายคนที่ 3 ของครอบครัว จากลูกๆทั้งหมด 4 คน บิดาของเจ้าตัวชื่อ นายจิ้ม มีอาชีพเป็นควาญช้างลากซุง แต่เดิมทีชื่นชอบกีฬามวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้ฝึกสอนให้กับลูกชายของตัวเอง

ซึ่งในเวลานั้น พ่อของวิจารณ์ ได้พาเจ้าตัวกับพี่ชายไปฝึกซ้อมตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น เดิมที่ใช้ชื่อว่า แสนเชิง ลูกเมืองดัง ในเวลาต่อมา ประวัติวิจารณ์ ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศไทยอย่าง กรุงเทพมหานคร โดยเวลานั้นใช้ชื่อว่า คมเคียวเล็ก ศิษย์ครูงาน โดยมี ร.ท.ไฉน ผ่องสุภา เป็นผู้ดึงมาให้อยู่ในค่าย พันธ์ยุทธภูมิ ของ ยุทธภูมิ แจ้งโพธิ์นาค

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวลานั้น วิจารณ์ พลฤทธิ์ กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ซึ่งไม่ได้อยู๋ไกลจากค่ายมวยมากนัก โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ สุโขทัย ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของเจ้าตัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นอำเภอเกิด จนกลายเป็นนักมวยไทยที่ชื่อว่า ศรีสัชนาลัย แท็กซี่มิเตอร์

ทั้งนี้ เจ้าตัวชกเมียเลี้ยงชีพเรื่อยมายาวจนไปถึงในช่วง พ.ศ. 2535 จึงสามารถพาตัวเองขึ้นไปโลดแล่นอยู่ที่ เวทีมวยราชดำเนิน ได้เป็นครั้งแรก โดยเวลานั้นเจ้าตัวได้รับค่าตัวอยู่ที่ 2,000 บาท ต่อมา มื่อ พ.ต.อ.เสวก ปิ่นสินชัย ได้แต่งตั้งเป็นโปรโมเตอร์ของเวทีราชดำเนิน ซึ่งได้ใช้ศึกนี้ว่า ศึกอัศวินดำ

ซึ่งได้รับการโอนสิทธิ์ขาดในความเป็นผู้จัดการ และ หัวหน้าคณะแต่เพียงผู้เดียว โดยถือเป็น มวยแถม ของรายการในวันนั้น จนกระทั่งเจ้าตัวได้เป็นแชมป์มวยไทย รุ่นจูเนียร์แบนตัมเวม ที่เวทีรังสิต หลังจากนั้นเจ้าตัวได้รับแรงสนับสนุนจาก พ.ต.อ.เสวก จนเจ้าตัวได้รับราชการตำรวจเป็น ยศ สิบตำรวจตรี (ส.ต.ต.)

กระทั่ง พ.ต.อ. เสวก ได้พา ศรีสัชนาลัย ไปชกมวยสากลสมัครเล่นให้กับทีมสโมสรตำรวจ โดยสลับกับการชกมวยไทยไปด้วย ก่อนที่วิจารณ์จะติดทีมชาติ เพราะเหตุว่า ประมวนศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ นักมวยทีมชาติคนก่อนขอแขวนนวม ซึ่ง วิจารณ์ ถือเป็นนักมวยนอกสายตา หรือนักมวยในระดับเกรดบีเท่านั้น เพราะเพิ่งชกมวยสากลได้ราว 2 ปี เท่านั้น คือ ครั้งแรกชิงแชมป์ประเทศไทยปี พ.ศ. 2542 ตกรอบแรก ก่อนที่จะได้แชมป์กีฬากองทัพไทย และเป็นแชมป์ซีเกมส์ปีเดียวกัน

ทั้งนี้ วิจารณ์ก็ แม้ว่าจะได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในเวลานั้น แต่เจ้าตัวไม่ใช่ตัวเต็งที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2543 สาเหตุมาจากประสบการณ์ในการชกมวยสากลของเจ้าตัวนั้นยังน้อยมาก โดยที่นักมวยตัวเก็งเหรียญทองในครั้งนั้นก็คือ สมรักษ์ คำสิงห์ นั่นเอง

อย่างไรก็ตามต่อมา สมรักษ์ คำสิงห์ ได้ตกรอบ 2 โดยแพ้ ร็อกกี ฮัวเรซ นักมวยชาวอเมริกัน ซึ่งในเวลาต่อมานักมวยคนอื่นๆก็ทยอยพาเลซกันตกรอบตามเช่นเดียวกัน แต่ว่าการชกของ วิจารณ์ กลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถผ่านอุปสรรคเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศ และ สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ในที่สุด

  • รอบ 32 คน: วาร์ดัน ซาการ์ยัน (เยอรมัน) 18-2
  • รอบ 16 คน: แอนดรํว์ คูเนอร์ (แคนาดา) 11-7
  • รอบ 8 คน: มานูเอล มันติญา (คิวบา) 19-8
  • รอบรองชนะเลิศ: วอลอดือมือร์ ซืยดอเรนโค (ยูเครน) 14-11
  • รองชิงชนะเลิศ: บูรัต ยูมาดิลอฟ (คาซัคสถาน) 19-12

หลังจากเจ้าตัวได้รับเหรียญแล้ว ได้ประกาศแขวนนวมทันที ซึ่งได้นำเงินรางวัลที่ได้ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้า ร่วมกับภรรยา และ ได้มีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง สมิงบ้านไร่ ทางช่อง 3 ในเวลาเย็น โดยแสดงร่วมกับภรรยาด้วย ปัจจุบัน วิจารณ์ยังรับราชการตำรวจอยู่ โดยมียศเป็น พันตำรวจโท (พ.ต.ท.) ดำรงตำแหน่ง รองผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์

สนใจแทงมวยออนไลน์ติดต่อได้ที่ LINE: @UFA-TH หรือ https://line.me/ti/p/@ufa-th

ติดตามข่าวสารวงการมวยได้ที่ muay-th.com