ประวัติสุดสาคร ส.กลิ่นมี ยอดมวยขวัญใจชาวไทย

ประวัติสุดสาคร ส.กลิ่นมี ยอดมวยขวัญใจชาวไทย

ประวัติสุดสาคร

ประวัติสุดสาคร ส.กลิ่นมี ย้อนกลับไปเจ้าตัวเกิดในวันที่ 25 สิงหาคม ปี 2529 เป็นนักมวยชาวไทย และ เป็นชาวไทยที่สามารถคว้าแชมป์โลกรายการเวิลด์คิกบ็อกซิ่ง เน็ตเวิร์กมวยไทย รุ่นเวลเตอร์เวท ซึ่งถือว่าเป็นนักมวยคนหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลานั้น สาเหตุที่เจ้าตัวสามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มากจาแมตช์ไหนแล้ว ประวัติสุดสาคร ส.กลิ่นมี เคยผ่านอะไรมาบ้าง ไปติดตามชีวิตของเขากันเลย

ย้อนเวลากลับไป สุดสาคร ถือว่าเป็นนักมวยไทยรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลานั้น หลังจากที่เจ้าตัวเริ่มสร้างชื่อได้แล้ว เจ้าตัวมีโอกาสออกไปเยือนที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเจ้าตัวได้รับการต้อนรับจากผู้จัดการของเขาที่มีชื่อว่า นีโกลา ซูบีโล เขาหวังที่จะสร้างชื่อในทวีปยุโรปโดยการต่อสู้ให้ดีที่สุดในรุ่นของเขาซึ่งอยู่ในรุ่น 64 กก. – 70 กก.

ต้องเลยว่าชื่อนักมวยคนนี้ได้มาจากตัวละครในวรรณคดีของประเทศไทยที่มีชื่อว่า สุดสาคร ซึ่งในเรื่องราวนั้น ถือว่าเป็นเด็กมหัศจรรย์ที่ได้กำเนิดมาจากมารดาผู้เป็นนางเงือก อีกทั้งในเวลาต่อมาได้ส่งตัวลูกชายคนนี้ออกไปตามหา บิดา ของตัวเองที่ไม่เคยรู้จักว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้ได้นำอาวุธเวทมนตร์ติดตัวไปด้วย ซึ่งอาวุธนี้ได้รับจากฤาษี พร้อมกันนี้ยังมีม้านิลมังกร เป็นเพื่อนเดินทางคู่กายไปด้วย

อย่างไรก็ตาม สุดสาคร มีชื่อจริงว่า สม กลิ่นมี หรือ ชื่อเล่นโอ เจ้าตัวเริ่มฝึกฝนแม่ไม้มวยไทยตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบเท่านั้น เขาเริ่มจากการฝึกกับพ่อของเขา ซึ่งมีชื่อว่า ยักษ์ กลิ่นมี และ ลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่าง แรมบ้า สมเดช M-16 ซึ่งถือเป็นมวยชื่อดังในเวลาต่อมาด้วย

พ.ศ. 2554 สุดสาครได้มาอาศัยอยู่ที่พัทยา ประเทศไทย และ ในช่วงเวลานี้เจ้าตัวได้เริ่มฝึกฝนอยู่ที่ ส.กลิ่นมียิมในจังหวัดชลบุรี และในเวลาต่อมา เจ้าตัวมีอายุได้ 10 – 18 ปี จึงได้เข้าฝึกกับผู้ฝึกสอนคนใหม่ ทัพยา กลิ่นมี ส่งตรงจากค่ายมวยศิษย์ อ. ที่พัทยา หลังจากนั้นเมื่อเจ้าตัวอายุได้ 18 ปี เจ้าตัวจึงได้รับคำเชิญให้ขึ้นชกกับ เกรก โอ’ฟลิน นักชกชาวไอริช โดยในเวลานั้น สุดสาคร ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน 4 ครั้งที่ประเทศอังกฤษ และ ไอร์แลนด์ โดเจ้าตัวสามารถเอาชนะ โรเบิร์ต สโตเรย์ ผู้ซึ่งเป็นแชมป์สองรายการของอังกฤษใน พ.ศ. 2548 (เมื่อครั้งที่สุดสาครมีน้ำหนักตัวที่ 61 กก.)

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาเมื่อ โรเบิร์ต สโตเรย์ ได้รับการแก้มือรอบที่ 2 กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวมีอาการแขนหหักในส่วนกลาง แต่เจ้าตัวสามารถประคองตัวเองได้จนไปถึงยกที่ 5 และ อีกหนึ่งปีต่อมา สุดสาครเป็นผู้ชนะรายการชิงแชมป์โลกเข็มขัดเอสวันของสภามวยไทยโลก (รุ่น 64 กก.) เมื่อครั้งที่พบกับชาวสโลวัก อย่าง อีกอน เฮอร์ซิง โดยในเวลาต่อมาเจ้าตัวยอมรับว่าความทรงจำที่เขาประทับใจ คือการชิงเข็มขัดสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก กับนักมวยชาวไทยใน พ.ศ. 2549

ทั้งนี้ การชกที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดของเจ้าตัว ย้อนกลับไปในแมตช์ที่เอาชนะ ก้องฟ้า ในการชิงเข็มขัดแฟร์เท็กซ์ เทพประสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าตัวมีโอกาสขึ้นชกกับ มีกาเอล ปิซซีเตลโล ในศึก THAI FIGHT ซึ่งจัดขึ้น ณ ลียง ประเทศฝรั่งเศส และ สุดสาคร เป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่สอง

หลังจากนั้นเจ้าตัวกลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง และ กลับขึ้นไปสู้กับ เซดริก คัซตักนา ในรายการทีเคเวิลด์แมกซ์ 2012 ที่จัดขึ้น ณ มาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555 และเป็นฝ่ายชนะจากการตัดสินของกรรมการ ซึ่งในการแข่งขันไฟท์นี้เองเขาได้เข้าร่วมรายการ THAI FIGHT 2012 : คิงออฟมวยไทยทัวร์นาเมนท์เซคันด์ราวด์ ที่จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ซึ่งสุดสาครเป็นฝ่ายชนะน็อคโมฮัมหมัด โฮสเซน โดรูเดียน จากการฟันศอกในยกสอง

รายการที่ชนะ

  • 2554 รองชนะเลิศ ไฟท์โค้ดดราก้อนซีรีส์ รอบรองชนะเลิศ (-72.5 กก.)
  • 2553 แชมป์เวิลด์คิกบ็อกซิ่งเน็ตเวิร์ก (ดับเบิลยูเคเอ็น) เวิลด์กรังด์ปรีซ์บิ๊ก-8 ไฟนอล ณ ประเทศเบลารุส (-66.7 กก.)
  • 2553 แชมป์ดับเบิลยูเคเอ็นมวยไทยเวิลด์ รุ่นเวลเตอร์เวท (-66.7 กก.)
  • 2550 แชมป์มวยไทยแฟร์เท็กซ์ เทพประสิทธิ์
  • 2549 แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท รายการมวยไทยอาชีพชิงแชมป์โลก ของสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก (-63.5 กก.)
  • แชมป์โลกเอสวันของสภามวยไทยโลก – เอสวันทรงชัยสภามวยไทยโลก (-64 กก.)
  • 2547-2548 ผู้เข้าแข่งขันรอบสุดท้าย โตโยต้า 4X4 เวทีมวยราชดำเนิน

สนใจแทงมวยออนไลน์ติดต่อได้ที่ LINE: @UFA-TH หรือ https://line.me/ti/p/@UFA-TH

ติดตามข่าวสารวงการมวยได้ที่ muay-th.com